ข้อบังคับ
สมาคมศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๔๙๘
(แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๕ และพ.ศ. ๒๕๕๓)
หมวด ๑
ความทั่วไป
นิยามศัพท์
(๑) สมาคม หมายถึง สมาคมศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช
(๒) กรรมการ หมายถึง กรรมการสมาคมศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช
(๓) โรงเรียน หมายถึง โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช
(๔) การจดทะเบียน หมายถึง การจดทะเบียนสมาคมศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช
ต่อนายทะเบียนจังหวัดนครศรีธรรมราช
(๕) เจ้าหน้าที่ หมายถึง เจ้าหน้าที่ที่กรรมการสมาคมแต่งตั้งให้ทำหน้าที่กิจการใดกิจการหนึ่งของ สมาคม
ข้อ ๑ สมาคมนี้มีชื่อเรียกว่า สมาคมศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราช ใช้อักษรย่อว่า “ส.บ.ม.” มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Benjamarachutit Nakhonsrithummarat Alumni Association ใช้อักษรย่อว่า “B.A.A.”
ข้อ ๒ สมาคมมีสีม่วงขาวเป็นสัญลักษณ์ สำหรับเครื่องหมายสมาคมมีลักษณะเป็นวงกลมสองชั้น ภายใน วงกลมชั้นในมีพื้นสีม่วง มีมงกุฎ ๕ สีแดง อยู่ตรงกลางใบโพธิ์สีขาว ภายในวงกลมชั้นนอก มีอักษรย่อว่า ส.บ.ม. อยู่ด้านบน มีคำว่าสมาคมศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช อยู่ด้านล่างเป็นตัวหนังสือสีม่วงบนพื้นสีขาว
ข้อ ๓ สำนักงานของสมาคม ตั้งอยู่ที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ถนนนาพรุ-ปากพูน ตำบล โพธิ์เสด็จ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช 80000
หมวด ๒
วัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์
ข้อ ๔ วัตถุประสงค์ของสมาคมเพื่อ
(๑) ดำเนินกิจกรรมของสมาคมศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช
(๒) สนับสนุนการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
(๓) สนับสนุนส่งเสริมกิจกรรมการเรียนการสอนของโรงเรียน
(๔) ส่งเสริมการกีฬาและพลานามัย
(๕) ส่งเสริมศีลธรรม วัฒนธรรมและประเพณี
(๖) ส่งเสริมความสามัคคีและอุปการะซึ่งกันและกันระหว่างสมาชิก
(๗) ส่งเสริมกิจกรรมสาธารณประโยชน์โดยทั่วไป
(๘) ไม่ดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง
หมวด ๓
การเป็นสมาชิกของสมาคม สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
การเป็นสมาชิกของสมาคม สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
ข้อ ๕ สมาชิกของสมาคมมี ๒ ประเภท คือ
(๑) สมาชิกสามัญ ได้แก่ ศิษย์เก่าและครูอาจารย์ของโรงเรียนเบญจมราชูทิศทั้งอดีตและปัจจุบัน ซึ่งสมาคมได้รับเป็นสมาชิก
(๒) สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ หรือทรงเกียรติ หรือผู้มีอุปการะคุณแก่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ซึ่งคณะกรรมการลงมติเชิญเป็นสมาชิกของสมาคม
ข้อ ๖ คุณสมบัติของสมาชิก
(๑) เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย
(๒) ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย หรือเป็นผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือต้องโทษจำคุก ยกเว้น ความผิดฐานประมาทหรือลหุโทษ
ข้อ ๗ ค่าบำรุงสมาคม
(๑) สมาชิกสามัญ ชำระค่าบำรุงสมาคมตลอดชีพ จำนวน ๒๐๐ บาท
(๒) สมาชิกกิตติมศักดิ์ ไม่ต้องชำระค่าบำรุงสมาคม
ข้อ ๘ ผู้สมัครเป็นสมาชิกสามัญของสมาคม ต้องยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคม พร้อมชำระค่าบำรุง สมาคมต่อนายทะเบียนสมาคม เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ สมาชิกภาพจะเกิดขึ้นเมื่อนายทะเบียน
จดแจ้งการเป็นสมาชิกลงในสมุดทะเบียน
ข้อ ๙ สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่สมาคมได้รับหนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่
คณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้เชิญเป็นสมาชิกของสมาคม
ข้อ ๑๐ การสิ้นสุดสมาชิกภาพ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก โดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อนายทะเบียน
(๓) ขาดคุณสมบัติตามข้อ ๖
(๔) ที่ประชุมใหญ่ของสมาคมหรือคณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้ออก
(๕) สมาชิกภาพของสมาคมกิตติมศักดิ์ สิ้นสุดลงตามวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการ
ของสมาคม
ข้อ ๑๑ สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
(๑) มีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม
(๒) มีสิทธิเข้าใช้สถานที่ของสมาคมโดยเท่าเทียมกัน
(๓) มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของสมาคมต่อคณะกรรมการ
(๔) มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่างๆ ที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น
(๕) มีสิทธิเข้าร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น
(๖) มีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีสินทรัพย์ของสมาคม
(๗) สมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้งหรือได้รับการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง เป็นกรรมการสมาคม
และมีสิทธิออกเสียงลงมติต่างๆ ในที่ประชุม
(๘) สมาชิกสามัญมีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันอย่างน้อยจำนวน ๑๐๐ คน ร้องขอต่อคณะกรรมการ ให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้
(๙) มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับของสมาคมโดยเคร่งครัด
(๑๐) มีหน้าที่ประพฤติตนให้เหมาะสมกับการเป็นสมาชิกของสมาคม
(๑๑) มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจการต่างๆ ของสมาคม
(๑๒) มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
หมวด ๔
การดำเนินกิจการของสมาคม
การดำเนินกิจการของสมาคม
ข้อ ๑๒ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง จำนวนไม่น้อยกว่า ๓๑ คน แต่ไม่เกิน ๔๑ คน มีที่มาดังนี้
(๑) กรรมการที่มาจากการเลือกตั้งโดยที่ประชุมใหญ่สมาคม จำนวนไม่น้อยกว่า ๑๕ คน แต่ไม่
เกิน ๒๐ คน จากศิษย์เก่ารุ่นต่างๆ ไม่เกินรุ่น ๒ คน หรือสมาชิกสามัญตามข้อ ๕(๑)
(๒) กรรมการที่มาจากการสรรหาโดยคณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบัน สรรหาจากศิษย์เก่าซึ่ง
เป็นสมาชิกของสมาคมไม่เกิน ๑๐ คน เป็นคณะกรรมการแล้วเสนอให้ที่ประชุมใหญ่สามัญ
ประจำปี เพื่อทราบ
(๓) ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นอุปนายกคนที่ ๑ โดยตำแหน่ง
(๔) คณะกรรมการ (๑) (๒) และ (๓) เลือกตั้งกันเองเป็นนายก ๑ คน และสรรหาศิษย์เก่าเป็นคณะกรรมการเพิ่มเติมอีกไม่เกิน ๑๐ คน โดยให้คณะกรรมการเลือกตั้งกันเองเป็นอุปนายกและกรรมการอื่นๆ ตามสมควร
คณะกรรมการต้องส่งหลักฐานการจดทะเบียนกับนายทะเบียนสมาคมจังหวัด ภายใน ๑๕ วัน นับจากวันประชุมคณะกรรมการตามข้อ ๑๒(๔)
กรรมการสมาคม มีตำแหน่งและหน้าที่ดังนี้
(๑) นายกสมาคม ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคม เป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อ
กับบุคคลภายนอก ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมคณะกรรมการและการประชุมใหญ่ของสมาคม
(๒) อุปนายกสมาคม ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคม ปฏิบัติภารกิจตามที่
นายกสมาคมมอบหมายและทำหน้าที่แทนนายกสมาคมเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติ
หน้าที่ได้ และการทำหน้าที่แทนนายกสมาคมให้อุปนายกสมาคมตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำแทน
(๓) เลขานุการ ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมทั้งหมด เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ในงานธุรการของ
สมาคมและปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคมรวมทั้งทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่างๆ ของ สมาคม
(๔) เหรัญญิก มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคม เป็นผู้จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย บัญชีงบดุลของ สมาคม และเก็บเอกสารหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับการเงินของสมาคม
(๕) ปฏิคม ทำหน้าที่ในการต้อนรับแขกและจัดเตรียมสถานที่ประชุมต่างๆ ของสมาคม
(๖) นายทะเบียน มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกของสมาคมประสานงานกับเหรัญญิกในการเรียกเก็บเงิน ค่าบำรุงสมาคมพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครสมาชิกสามัญตามข้อ ๘ และต้องแจ้งผลการพิจารณา
ภายใน ๗ วัน
(๗) ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้เป็นที่รู้จักโดยแพร่หลาย
(๘) กรรมการตำแหน่งอื่นๆ คณะกรรมการสมาคมตำแหน่งอื่นที่มิได้ระบุไว้ข้างต้น และคณะกรรมการ
เห็นสมควรกำหนดให้มีขึ้นตามความเหมาะสมโดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการตามข้อ ๑๒
จะต้องไม่เกินจำนวนที่กำหนดไว้ แต่ถ้าคณะกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่งให้ถือเป็นกรรมการกลาง
ข้อ ๑๓ คณะกรรมการสมาคมมีวาระการดำรงตำแหน่งละ ๒ ปี ไม่เกิน ๒ วาระติดต่อกัน คณะกรรมการชุดเก่าต้องส่งมอบงานให้แก่คณะกรรมการชุดใหม่อย่างเป็นทางการภายในเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ให้กรรมการชุดเก่ารักษาการจนถึงวันส่งมอบงาน
คณะกรรมการที่ตำรงตำแหน่ง ๒ วาระติดต่อกันแล้ว สามารถเป็นกรรมการต่อไปได้แต่
ต้องต่างที่มากัน
ข้อ ๑๔ ถ้าตำแหน่งกรรมการบริหารสมาคมว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระ ให้คณะกรรมการแต่งตั้ง
กรรมการคนใดคนหนึ่งดำรงตำแหน่งแทน กรณีตำแหน่งกรรมการว่างลง คณะกรรมการที่เหลือไม่ครบจำนวนตามข้อ ๑๒ ให้มีการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการให้ครบจำนวนตามข้อ ๑๒ กรรมการที่ได้รับเลือกเข้ามาใหม่ให้ดำรงในตำแหน่งตามวาระที่เหลืออยู่ กรณีคณะกรรมการ สมาคมเห็นว่าวาระที่เหลืออยู่ดังกล่าวตามวรรค ๒ ไม่ถึง ๖ เดือน และคณะกรรมการที่เหลืออยู่เกินจำนวนองค์ประชุมที่มีอยู่เดิมและดุลยพินิจของคณะกรรมการเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งสมาคมแล้ว ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ คณะกรรมการจะไม่จัดให้มีการเลือกตั้งดังกล่าวในวรรค ๒ ก็ได้
ข้อ ๑๕ กรรมการพ้นจากตำแหน่งซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระเมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) ขาดจากสมาชิกภาพ
(๔) ที่ประชุมมีมติให้ออก
ข้อ ๑๖ กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่งให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อนายกสมาคมและให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อคณะกรรมการมีมติให้ออก
ข้อ ๑๗ อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการ
(๑) มีอำนาจออกระเบียบต่างๆ เพื่อการบริหารกิจการของสมาคม ทั้งนี้จะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายและข้อบังคับฉบับนี้
(๒) มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคม
(๓) มีอำนาจแต่งตั้งหรือจัดจ้าง กรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการได้แต่กรรมการที่ปรึกษาหรือ
อนุกรรมการอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของกรรมการที่แต่งตั้ง
(๔) มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่ประจำปี และประชุมใหญ่วิสามัญ
(๕) มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่นๆที่ยังมิได้กำหนดในข้อบังคับนี้
(๖) มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตลอดจนมีอำนาจอื่นๆ
ตามที่ข้อบังคับกำหนดไว้
(๗) มีหน้าที่แต่งตั้งอนุกรรมการจากตัวแทนศิษย์เก่าที่เป็นสมาชิกรุ่นต่างๆ รุ่นละหนึ่งคน
(๘) มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการของสมาคม รวมทั้งการเงินและสินทรัพย์ทั้งหมดของสมาคม
(๙) มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญตามข้อ ๑๑(๘) ตามที่สมาชิกสามัญร้องขอภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ
(๑๐) มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงิน สินทรัพย์ และการดำเนินกิจกรรม ต่างๆ ของสมาคม ให้ถูกต้องและสามารถจะให้สมาชิกตรวจดูได้เมื่อสมาชิกร้องขอ
(๑๑) มีหน้าที่จัดทำบันทึกการประชุมต่างๆ ของสมาคมเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน
(๑๒) มีหน้าที่อื่นๆ ตามที่ข้อบังคับกำหนดไว้
ข้อ ๑๘ คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อยปีละ ๖ ครั้ง
ข้อ ๑๙ การประชุมคณะกรรมการ จะต้องมีกรรมการเข้าประชุม ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด จึงถือว่าครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมคณะกรรมการ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ ๒๐ ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่เข้าประชุมในคราวนั้นเลือกตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่ง
ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคราวนั้น
หมวด ๕
การประชุมใหญ่
การประชุมใหญ่
ข้อ ๒๑ การประชุมใหญ่สมาคม คือ
(๑) ประชุมใหญ่สามัญ
(๒) ประชุมใหญ่วิสามัญ
ข้อ ๒๒ คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการการประชุมใหญ่สามัญประจำปี อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง ภายในเดือนกรกฎาคม เมื่อครบกำหนดวาระของกรรมการแล้วแต่คณะกรรมการไม่จัดให้มีการประชุมใหญ่ สามัญประจำปี ให้บุคคลผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช เรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี เพื่อให้มีคณะกรรมการชุดใหม่ ตามหมวด ๔ ข้อ ๑๒
ข้อ ๒๓ การประชุมใหญ่วิสามัญนอกจากการประชุมตามข้อ ๑๑(๘) หากคณะกรรมการเห็นสมควร ให้มีการประชุมใหญ่ ให้สามารถเรียกประชุมได้
ข้อ ๒๔ การประชุมใหญ่ ให้นายกสมาคมหรือเลขานุการ เป็นผู้ชี้แจงกำหนดการประชุมใหญ่ให้สมาชิกทราบเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุวัน เวลา สถานที่และวาระการประชุมให้ชัดเจน ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน และประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่างๆ ที่เห็นสมควร
กรณีที่สมาชิกร้องขอให้เรียกประชุมตามข้อ ๑๑(๘) ถ้าคณะกรรมการสมาคมไม่เรียกประชุม ภายในกำหนด ๓๐ วัน สมาชิกที่เป็นผู้ร้องขอให้เรียกประชุมหรือสมาชิกอื่นรวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่า ๑๐๐ คน มีสิทธิเรียกประชุมเอง
ข้อ ๒๕ การประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้
(๑) รับรองรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมา
(๒) แถลงกิจการที่ผ่านมาในรอบปี
(๓) แถลงบัญชีรายรับ-รายจ่าย และบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมา
(๔) เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อครบกำหนดวาระ
(๕) เลือกตั้งผู้สอบบัญชีรับอนุญาต และกำหนดค่าตอบแทน
(๖) เลือกตั้งผู้ตรวจสอบการเงินและสินทรัพย์จำนวน ๓ คนที่ไม่ใช่กรรมการปีละ ๑ ครั้ง
(๗) เรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)
ข้อ ๒๖ ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีหรือการประชุมใหญ่วิสามัญ จะต้องมีสมาชิกเข้าร่วมประชุม
ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง หรืออย่างน้อย ๑๐๐ คน จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม แต่ถ้าเมื่อถึงกำหนด
เวลาประชุมยังมีสมาชิกสามัญ เข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ก็ให้ขยายเวลาออกไปอีก ๖๐
นาที แต่เมื่อครบกำหนดเวลาที่ขยายออกไปแล้ว ยังมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์
ประชุม ก็ให้เลื่อนประชุมคราวนั้นไป และจัดประชุมใหม่อีกครั้งหนึ่งหลังจากเวลาได้ล่วงเลย
มาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน แต่จะต้องไม่เกิน ๔๕ วัน นับแต่วันที่ได้เลื่อนการประชุมครั้งแรก
สำหรับการประชุมครั้งนี้ ถ้ามีสมาชิกเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนเท่าใดให้ถือว่าครบองค์ประชุม
ยกเว้น ถ้าการประชุมใหญ่วิสามัญที่เกิดขึ้นจากการร้องขอของสมาชิก ก็ไม่ต้องจัด
ประชุมใหญ่ ให้ถือว่าการประชุมเป็นอันยกเลิก
ข้อ ๒๗ การลงมติต่างๆ ในที่ประชุมใหญ่ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมาก หากคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ ๒๘ ในการประชุมใหญ่ของสมาคม ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่สามารถเข้าร่วมประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ที่ประชุมตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่งที่หน้าที่เป็นประธานการประชุมคราวนั้น
หมวด ๖
การเงินและสินทรัพย์
การเงินและสินทรัพย์
ข้อ ๒๙ การเงินและสินทรัพย์ทั้งหมด ให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ เงินสดของสมาคม ถ้ามีให้ฝากไว้ในธนาคารใดธนาคารหนึ่ง ที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ตามแต่คณะกรรมการจะเห็นสมควร
สมุดบัญชีและเอกสารให้เก็บไว้ที่สมาคมและอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของอุปนายกคนที่ ๑
ข้อ ๓๐ การลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของสมาคม จะต้องมีลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการแทนลงนามร่วมกับเหรัญญิกหรือเลขานุการ กับประทับตราของสมาคม จึงจะถือว่าถูกต้อง
ข้อ ๓๑ ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมตามวัตถุประสงค์ ได้ครั้งละไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท(สามหมื่นบาท) ถ้าเกินกว่านั้น ให้คณะกรรมการเป็นผู้พิจารณาอนุมัติเป็นคราวๆ ไป ไม่เกินครั้งละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาท) ยกเว้นโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของสมาคมแล้ว นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายได้เต็มจำนวนที่อนุมัติ
ข้อ ๓๒ ให้เหรัญญิก มีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของสมาคมเพื่อสำรองจ่าย ได้ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาท) ถ้าเกินจำนวนนี้จะต้องนำฝากธนาคารในบัญชีของสมาคม
ข้อ ๓๓ เหรัญญิกจะต้องทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย และบัญชีงบดุลให้ถูกต้อง โดยมีวันสิ้นรอบบัญชีในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม และการรับหรือจ่ายเงินทุกครั้งจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการแทน พร้อมกับประทับตราของสมาคมทุกครั้ง
ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจะต้องมิใช่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่สมาคม
ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต มีอำนาจที่จะเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและสินทรัพย์ จากคณะกรรมการ และสามารถเรียกกรรมการหรือเจ้าหน้าที่สมาคมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับบัญชี และสินทรัพย์ของสมาคมได้
ข้อ ๓๔ คณะกรรมการจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชีรับอนุญาต และให้ความร่วมมือกับ
ผู้ตรวจสอบการเงินและสินทรัพย์ เมื่อได้รับการร้องขอ
หมวด ๗
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม
ข้อ ๓๕ การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับของสมาคม จะกระทำได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้นและจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓ ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด
ข้อ ๓๖ เมื่อสมาคมต้องเลิกไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม สินทรัพย์ของสมาคมที่เหลืออยู่ หลังจากได้ชำระ
บัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตกเป็นของโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช
หมวด ๘
บทเฉพาะกาล
ข้อ ๓๗ ข้อบังคับของสมาคมฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่นายทะเบียนสมาคมจังหวัดอนุญาตให้จด ทะเบียนเปลี่ยนแปลงแก้ไขเป็นต้นไป
ข้อ ๓๘ ให้ยกเลิกข้อบังคับของสมาคมฉบับเดิมทั้งหมด และให้ใช้ข้อบังคับฉบับนี้แทน
ข้อ ๓๙ การตีความในข้อบังคับของสมาคม หากเป็นที่สงสัยให้นายกสมาคมเป็นผู้ชี้ขาด